โรงเรียนบ้านขอม


หมู่ที่ 5 บ้านขอม ตำบลพญาแมน
อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ 53120
โทร. 093-1975880

สุนัขและแมว จะทำอย่างไรเมื่อสุนัขและแมวของคุณดื้อต่อยาปฏิชีวนะ

สุนัขและแมว

สุนัขและแมว อาจเป็นเรื่องแปลกใจ สำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนที่การให้ยาสัตว์อันเป็นที่รักด้วยตนเอง โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์ที่มีใบอนุญาต อาจนำไปสู่ผลร้ายแรงเนื่องจากการดื้อยาปฏิชีวนะ แม้ว่าการดื้อยาปฏิชีวนะจะเป็นปัญหาที่ทราบกันในหมู่ประชากรมนุษย์ แต่ก็มีการค้นพบว่าสัตว์เลี้ยงก็ประสบปัญหาการดื้อยาเช่นเดียวกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสัตว์เลี้ยงอายุน้อยแสดงอาการดื้อยา เนื่องจากทั้งสัตวแพทย์ และเจ้าของจะต้องเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการรักษาที่ไม่ได้ผล การใช้ยาปฏิชีวนะที่ใหม่กว่าและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้เจ้าของมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และที่เลวร้ายที่สุดคืออัตราการป่วยและการตายของสัตว์เพิ่มขึ้น อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สุนัขและแมวดื้อยา จำเป็นต้องมีความเข้าใจเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหานี้

มีการให้ยาปฏิชีวนะแก่สัตว์เลี้ยง เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียและฟื้นฟูสุขภาพของสัตว์เลี้ยง เป้าหมายสูงสุดคือการช่วยให้สัตว์หายจากอาการป่วย อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่แบคทีเรียเกิดการดื้อยาต่อยารักษาที่กำหนด อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติมที่ขัดขวางประสิทธิผลของการรักษาโรคติดเชื้อ

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการดื้อยาใน สุนัขและแมว ได้แก่ เมื่อสัตว์เลี้ยงได้รับยาปฏิชีวนะอย่างไม่สม่ำเสมอหรือไม่ถูกต้อง เช่น เมื่อหยุดใช้ก่อนที่อาการของสัตว์เลี้ยงจะดีขึ้นอย่างสมบูรณ์ หรือเมื่อหยุดให้ยาปฏิชีวนะอย่างกะทันหัน อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนมากมาย สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่า สัตว์เลี้ยงได้รับยาตลอดระยะเวลาที่สัตวแพทย์กำหนดไว้

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือสัตว์เลี้ยงต้องได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเจ้าของจะเชื่อว่าสัตว์เลี้ยงของพวกเขาหายดีแล้วก็ตาม การไม่ทำเช่นนั้นอาจส่งผลร้ายแรง หากการป้อนยาให้สัตว์เลี้ยงกลายเป็นเรื่องท้าทาย เจ้าของอาจใช้วิธีให้ยาเป็นระยะหรือหยุดใช้ยาไปเลย

เจ้าของสัตว์เลี้ยงมักซื้อยาปฏิชีวนะให้สัตว์เลี้ยงขนยาวโดยไม่ปรึกษาสัตวแพทย์ การปฏิบัตินี้มีความเสี่ยงในการใช้ยาที่ไม่ถูกต้องสำหรับสาเหตุของการเจ็บป่วย ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาแบคทีเรียดื้อยาในสัตว์เลี้ยง เพื่อให้แน่ใจว่ามีการเลือกใช้ยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสม จำเป็นต้องตรวจสอบความไวของเชื้อโรคที่พบในสัตว์ป่วยไข้ การตรวจนี้มุ่งเน้นไปที่การประเมินความไวของเชื้อโรคต่อยาปฏิชีวนะที่เฉพาะเจาะจง

เพื่อลดความเสี่ยงของการพึ่งพายาและการใช้ยามากเกินไป จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจำกัดการสั่งจ่ายยาที่ไม่จำเป็น ก่อนที่จะสั่งยาใดๆ จำเป็นต้องมีการวินิจฉัยสาเหตุของโรคอย่างถูกต้อง ควรเลือกยาเฉพาะสำหรับการรักษาโรคเท่านั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการเคลื่อนไหว เพื่อสนับสนุนการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างมีสติ

แนวโน้มนี้ควรมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการใช้ยาเหล่านี้ อย่างมีความรับผิดชอบและรอบคอบ เพื่อต่อสู้กับการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ ในการเลือกใช้ยา สิ่งสำคัญคือต้องเลือกยาให้เหมาะสมกับกลุ่ม ตัวอย่างเช่น ยาปฏิชีวนะสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ โดยขึ้นอยู่กับวิธีการออกฤทธิ์เฉพาะของพวกมัน

ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเป็นยาประเภทหนึ่งที่มีฤทธิ์ในการกำจัดแบคทีเรียโดยตรง ยาเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในสัตว์ที่มีสภาพร่างกายอ่อนแอ หรือระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่จำนวนเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ aminoglycosides หรือ fluoroquinolones คือตัวอย่างทั้งหมดของยาที่อยู่ในการจัดประเภทนี้

สุนัขและแมว

ยาที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียในธรรมชาติจะทำงาน โดยการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของแบคทีเรีย และทำให้ระบบป้องกันตามธรรมชาติของร่างกาย สามารถจัดการผู้บุกรุกจากภายนอกได้อย่างอิสระ ยาบางชนิดที่อยู่ในประเภทนี้ ได้แก่ doxycycline หรือ azithromycin

เมื่อกำหนดความถี่ของการให้ยา สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณากลไกการออกฤทธิ์ของยา สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ประเภทของยาที่ขึ้นกับเวลาประกอบด้วยเบต้าแลคแทม ซึ่งรวมถึงอะม็อกซีซิลลิน แอมพิซิลลิน และเซฟาโลสปอริน ยาเหล่านี้เป็นที่รู้จักจากความสามารถของแบคทีเรีย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อบริหารในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อรักษาระดับยาให้สูงกว่าระดับความเข้มข้นต่ำสุดในการยับยั้ง

เป็นที่น่าสังเกตว่าการเพิ่มปริมาณของยาเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มการควบคุมแบคทีเรียเสมอไป ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบริหารยาเหล่านี้ตามความถี่ที่กำหนด เพื่อให้ได้ผลการรักษาตามที่ต้องการ กลุ่มยาที่จัดอยู่ในประเภทของยาปฏิชีวนะที่ขึ้นกับความเข้มข้น ได้แก่ อะมิโนไกลโคไซด์ ฟลูออโรควิโนโลน และเมโทรนิดาโซล

ประสิทธิภาพของฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียจะเพิ่มขึ้นตามความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าขนาดยาที่เหมาะสมของยาเหล่านี้จะส่งผลต่อประสิทธิผลของยา แต่ความถี่ของการบริหารยา ก็มีความสำคัญน้อยกว่าในการพิจารณาประสิทธิภาพ ปัจจุบัน ยาบางชนิด เช่น คลินดามัยซิน แสดงคุณสมบัติทั้งตามเวลาและความเข้มข้น

ปัญหาของสัตว์เลี้ยงที่ดื้อต่อยาเป็นปัญหา ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของลูกหลานของเรา ในความเป็นจริง ในที่สุดสิ่งนี้อาจส่งผลต่อการรักษาและความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมในอนาคต ผลที่ตามมา หากลูกของเราป่วย จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องไม่หยุดยาใดๆ ที่พวกเขาอาจใช้อยู่หรือให้ยาเอง โดยไม่ขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์

วิธีปฐมพยาบาลพื้นฐานสำหรับสุนัขหรือแมวได้รับบาดเจ็บ สุนัขและแมวที่มีขนปุกปุยของเราก็เหมือนกัน มีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยเฉพาะตัวที่ซุกซนและสมาธิสั้น อุบัติเหตุเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดบาดแผลในระดับต่างๆกัน ตั้งแต่การบาดเจ็บรุนแรงที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ทันที ไปจนถึงบาดแผลเล็กน้อยที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างเราๆ สามารถรักษาได้ง่ายๆที่บ้าน

การรักษาบาดแผลเหล่านี้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือการอักเสบเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสัตว์เลี้ยงเหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก เรามาตรวจสอบประเภทของบาดแผลที่พบบ่อยที่สุด และเรียนรู้วิธีการปฐมพยาบาลอย่างถูกต้อง

บาดแผลเล็กน้อยที่กระทบเฉพาะผิวหนังชั้นบนสุด หรือผิวหนังชั้นนอกเรียกว่าแผลตื้นๆ การเกา การขูด หรือการเสียดสีทุกรูปแบบสามารถทำให้เกิดแผลประเภทนี้ได้ อาจส่งผลให้มีเลือดออกเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปจะไม่รุนแรง ในการทำความสะอาดแผลและขจัดสิ่งสกปรกออก อาจใช้น้ำเกลือปฐมพยาบาลหรือน้ำสะอาด จากนั้นสามารถล้างแผลด้วยสบู่ และทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ก่อนล้างอีกครั้งด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดปริมาณมาก

หลังจากทำให้แผลแห้งด้วยการตบเบาๆ สามารถใช้เบตาดีนวันละครั้งโดยไม่ต้องปิด ลักษณะเฉพาะของการบาดเจ็บประเภทนี้ คือการฉีกขาดที่ลึกกว่า ซึ่งส่งผลต่อชั้นผิวหนังหรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังอย่างเห็นได้ชัด ในบางกรณี อาจขยายไปถึงชั้นกล้ามเนื้อด้านล่าง เมื่อจัดการกับบาดแผล ควรล้างให้สะอาดด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาด

ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ได้ขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ในบาดแผลออกแล้ว หากต้องการห้ามเลือด ให้ออกแรงกดด้วยผ้าสะอาดหรือผ้าก๊อซ หากเลือดออกรุนแรง แนะนำให้พาเด็กไปโรงพยาบาลทันที ซึ่งสามารถทำความสะอาดบาดแผลได้อย่างทั่วถึง และตรวจดูความเสียหายที่เกิดขึ้น ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องเย็บแผลเพื่อปิดแผล ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์ต่อไป

บาดแผลที่ปรากฏเป็นรูเรียวยาวที่เปิดเพียงนาทีเดียว แท้จริงแล้วอาจเป็นการบาดเจ็บที่ลึกกว่าซึ่งขยายเกินพื้นผิวของผิวหนัง บาดแผลดังกล่าวไม่สามารถประเมินได้ด้วยตาเปล่า และอาจส่งผลให้เกิดอันตรายอย่างมาก แผลอาจติดเชื้อและกลายเป็นโพรงที่เต็มไปด้วยหนองได้ การบาดเจ็บประเภทนี้มักเกิดจากการกัด การแทง หรือการเจาะจากของมีคม

สำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ขอแนะนำให้ใช้การประคบเย็นในบริเวณที่ได้รับผลกระทบเป็นระยะเวลา 15 ถึง 30 นาที หลังจากนี้ อาจทาครีมทาภายนอกบนรอยฟกช้ำโดยไม่ต้องนวดบริเวณนั้น อย่างไรก็ตามหากมีอาการบวม แดง อักเสบ หรือหากบริเวณนั้นไวต่อการสัมผัสมากกว่าปกติ แนะนำให้รีบไปพบสัตวแพทย์

อ่านต่อได้ที่ : อาหารแมว สาเหตุที่แมวนั้นไม่ยอมกินอาหารเม็ด เราควรทำอย่างไร

บทความล่าสุด